ขอเกริ่นก่อนนะคะ.. เริ่มจากเราอยู่กับแฟนช่วยกันทำขนมขาย แฟนเป็นคนลงทุนของทำกินชิ้นใหญ่ๆ ส่วนเราลงแรงทำหาเงินทุกวัน กินใช้เลี้ยงลูกด้วยกันด้วยเงินนี้เพื่อไม่ให้เป็นภาระพ่อแม่เค้ามาก วันนึงแฟนเรากับเราแยกตัวออกมาเช่าอยู่กันเอง เพราะทั้งเราและแฟนต่างก็อึดอัด ส่วนตัวแฟนเองก็มีปัญหากับพ่อแม่และที่บ้านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เราจึงออกไปเช่าบ้านอยู่กันโดยเงินมัดจำและค่าเช่าเดือนแรกเป็นเงินจากทางบ้านแฟน แฟนเราได้บอกให้เราพาแม่มาอยู่ด้วย อยากให้อยู่ด้วยกัน ช่วยกันและมีรายได้เพิ่มเพราะแม่ก็ทำขนมเป็น ก่อนวันทะเลาะกันแม่เราบอกกับเราว่าไม่ไหว เค้าเหนื่อยมาก ทำตั้งแต่ตี4 ได้นอนพักอีกที2-3ทุ่มวันแรกๆแม่ช่วยทำทุกอย่าง พอวันหลังๆแม่ไม่ค่อยช่วยมาก เค้าก็ได้ยินและรับรู้ได้ถึงอารมณ์ไม่พอใจของแฟนเรา เราพยายามบอกแฟนแล้วว่าไม่เป็นไร เราไหว ถ้าแม่เราไม่ไหว เราขอให้แม่เราได้กลับบ้าน แฟนก็ว่าแม่เราทำชีวิตเราพัง ก็เกิดทะเลาะกันขึ้น และตัดสินใจว่ายังไงคงเลิกกันถ้าเค้าไม่ฟังเหตุผลไม่เห็นใจกันแบบนี้ เพราะเราเองที่ทำขนมขายอยู่ทุกๆวัน ก็เหนื่อยพอแล้ว ยิ่งไม่ได้พักจากย้ายบ้าน ไหนจะโดนเร่งให้ขนมเสร็จไวๆ เราก็ยิ่งรนยิ่งรีบ เราก็ว่าเราคงจะกลับบ้านแน่ๆครั้งนี้ หรือไม่ถ้าเค้าคิดว่าเราทิ้งภาระค่าบ้านเช่านุ้นนี่ เราจะอยู่ต่อและทยอยผ่อนค่าของที่เป็นเงินส่วนของบ้านเค้าคืนให้ทั้งหมด
*เช้าอีกวัน แฟนเราคงกลับไปปรึกษากับทางบ้านเค้า และกลับเข้ามาเจรจากับเราและแม่ จึงเริ่มเกิดการทะเลาะกันค่อนข้างเสียงดัง ลูกเราจึงกลัวและวิ่งไปแอบ เราให้แม่ไปเอาลูกเราไว้ เรากลัวแฟนจะทำอะไรแม่เรา เพราะเค้าดิ่งมาหาแม่เราบ่อยๆ เราจึงขวางไว้และเสียงดังใส่เค้าว่าถ้าคุยไม่รู้เรื่องให้ไปพาบ้านเค้ามาคุย เริ่มทะเลาะ แฟนเรากับแม่เราเริ่มด่ากัน มีหยาบคายบ้าง (แต่ส่วนเราไม่เคยหยาบคายหรือขึ้นกูกับแฟนนะคะ ส่วนแม่เราคงเหลืออด เพราะแฟนเราก็ทำร้ายร่างกายและจิตใจเราหลายรอบ)
** พอบ้านเค้ามาคุย เค้ามีการพาลูกเราออกไปและให้เหตุผลว่าพาเด็กออกจากเหตุการทะเลาะกัน ให้เราเข้าไปตกลงให้ได้ว่าจะเอาอย่างไร เราจึงบอกเราตกลงกับแฟนแล้วเราจะกลับบ้านเราขอลูกคืน ซึ่งทางเค้าไม่ให้ เราวิ่งตามไปที่รถแล้ว พูดดีๆแล้ว เค้าก็ไม่ให้ เราไม่รู้จะทำอย่างไร แม่เลยบอกว่าไม่เป็นไรฝากลูกกับเค้าไว้ก่อน เดี๋ยวเราไปเอาลูกคืน เราไม่รู้จะพึ่งใคร เราเลยโทรหาตำรวจ เพื่อจะให้ตำรวจช่วยพูดขอลูกคืน เราพาตำรวจไปที่บ้านที่ครอบครัวแฟนอยู่ สุดท้ายทำได้แค่ให้เราไปไกล่เกลี่ยที่โรงพัก เค้าก็บอกกับตำรวจว่าเค้าจะเอาเด็กไว้เลี้ยงดูและบอกว่าเราไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดู แต่เราไม่ยอม ตำรวจจึงให้ไปปรึกษาต่อที่กรมพัฒนาสังคม ตำรวจให้เรานั่งรถไปพร้อมกับครอบครัวเค้า เค้าบอกกับตำรวจว่าไม่เป็นไรเค้าพาไปได้ แต่พอไปถึงรถเค้าไม่พาเราไปด้วย เราจึงต้องเข้าไปขอให้พี่ตำรวจพาเราไปส่ง พอไปถึงก็ไกล่เกลี่ย เค้าให้เราไปฟ้องศาลเอาลูกคืน เค้าย้ำว่าถ้าเราฟ้องเด็กจะต้องไปอยู่ในสถานพักเด็ก แล้วถามกับเราว่าตกลงวันนี้จะเอาอย่างไร ในตอนนั้นเรากลัวลูกต้องไปอยู่ตรงนั้น และไม่รู้จะปรึกษาใครเพราะเราไปตัวคนเดียว เราจึงบอกว่างั้นให้ลูกอยู่กับเค้าก่อนก็ได้ถ้าไม่ยอมคืน ถ้าเราจะต้องไปทำเรื่องจริงๆ
เราต้องอยู่ที่บ้านหลังนั้นก่อน ซึ่งเค้ายื่นข้อเสนอมาว่าให้อยู่ต่อได้ และพอคืนเงินมัดจำก็เก็บไว้ได้ ซึ่งเราไม่ต้องการ เพราะวันนั้นเป็นบ่ายวันศ. ถ้าเราต้องออกจากที่นั่นเลยเราก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนก่อนเพราะตั้งตัวไม่ทัน จะไปนอนห้องพักก็ลำบากเพราะมีมะหมาอยู่ด้วย 2 ตัว เราปรึกษาคนนุ้นคนนี้ทั้งหาข้อมูล ใครก็ว่าเป็นสิทธิของแม่อยู่แล้ว พอเช้าอีกวันเราก็พยายามวิ่งทำเรื่องแต่ทุกๆที่ก็ปิดหมด เราจึงไปขอพบลูกที่บ้าน ตอนไปหาลูกเราได้เจอลูกตรงหน้าประตูรั้ว เราได้แต่บอกขอกอดหน่อยหม่ามี๊จะต้องกลับกรุงเทพฯแล้วนะลูกจะไปไหม ลูกจะมาหาเรา แต่เค้าหลอกล่อลูกเราเข้าไปข้างใน เค้าก็เริ่มทะเลาะกับแม่เรา ส่วนแม่เรามีแค่เสียงดังสู้เค้า พอเราเข้าไปข้างใน ได้กอดลูกอยู่แค่แปปเดียว กะจะพาลูกวิ่งออกมา เค้าก็อ้างว่าอย่าทำแบบนี้เด็กทานข้าวอยู่ และแยกเด็กออกไปและพวกเค้าก็รุมต่อว่าเราจะเอาตำรวจมาจับแม่เราไล่เราออกจากบ้านที่ไปหาลูกและบ้านที่เค้ายื่นข้อเสนอให้อยู่ทันที เค้าเอากุญแจไปล็อคบ้านเช่านั้นทันที เอาตำรวจไปถ่ายรูป แต่เราไม่ได้สนใจเพราะเราไม่ได้หวังอะไรในสิ่งของพวกนั้นอยู่แล้ว เราเก็บเสื้อผ้าเราลูกพาแม่และหมากลับกทม.ทันที ตอนนี้เราถึงกทม.แล้วเตรียมดำเนินการต่อ
- อยากจะขอคำแนะนำว่าเราควรทำอย่างไรต่อดีคะ
- เราต้องเป็นฝ่ายฟ้องศาลขอลูกคืนใช่ไหมคะ
- ควรไปติดต่อที่ไหนอีกไหมคะ พรุ่งนี้ว่าจะไปมูลนิธิปวีณาค่ะ
- ถ้าเราฟ้องศาล ศาลจะพิจารณาจากตัวพ่อแม่เด็กหรือครอบครัวด้วยคะ
- ถ้าเค้าอ้างว่าเราพาลูกระหกระเหเร่ร่อนออกไปไหนไม่รอด แต่ความเป็นจริงเราออกมาเพราะทนแรงกดดันจากบ้านเค้าไม่ไหว ภาวะหลังคลอด ได้แต่รอวันที่แฟนเราจะเข้าใจ ส่วนที่เรากลับไปเพราะอยากให้เรา ลูก กับแฟน ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาค่ะ เราทำไงดีคะ
ปล. 1. เราไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับแฟนค่ะ ไม่มีการเซ็นรับรองบุตรค่ะ
2. เราอายุ 25 ปีค่ะ ส่วนแฟนเด็กกว่าเรา 2 ปี
บ้านแฟนเอาตัวลูกเราไป บอกกับเราว่าเราพร้อมเมื่อไหร่ให้มารับคืน แต่พอเราต้องกลับบ้านขอลูกคืนเค้าไม่ให้ ทำอย่างไรได้คะ?
*เช้าอีกวัน แฟนเราคงกลับไปปรึกษากับทางบ้านเค้า และกลับเข้ามาเจรจากับเราและแม่ จึงเริ่มเกิดการทะเลาะกันค่อนข้างเสียงดัง ลูกเราจึงกลัวและวิ่งไปแอบ เราให้แม่ไปเอาลูกเราไว้ เรากลัวแฟนจะทำอะไรแม่เรา เพราะเค้าดิ่งมาหาแม่เราบ่อยๆ เราจึงขวางไว้และเสียงดังใส่เค้าว่าถ้าคุยไม่รู้เรื่องให้ไปพาบ้านเค้ามาคุย เริ่มทะเลาะ แฟนเรากับแม่เราเริ่มด่ากัน มีหยาบคายบ้าง (แต่ส่วนเราไม่เคยหยาบคายหรือขึ้นกูกับแฟนนะคะ ส่วนแม่เราคงเหลืออด เพราะแฟนเราก็ทำร้ายร่างกายและจิตใจเราหลายรอบ)
** พอบ้านเค้ามาคุย เค้ามีการพาลูกเราออกไปและให้เหตุผลว่าพาเด็กออกจากเหตุการทะเลาะกัน ให้เราเข้าไปตกลงให้ได้ว่าจะเอาอย่างไร เราจึงบอกเราตกลงกับแฟนแล้วเราจะกลับบ้านเราขอลูกคืน ซึ่งทางเค้าไม่ให้ เราวิ่งตามไปที่รถแล้ว พูดดีๆแล้ว เค้าก็ไม่ให้ เราไม่รู้จะทำอย่างไร แม่เลยบอกว่าไม่เป็นไรฝากลูกกับเค้าไว้ก่อน เดี๋ยวเราไปเอาลูกคืน เราไม่รู้จะพึ่งใคร เราเลยโทรหาตำรวจ เพื่อจะให้ตำรวจช่วยพูดขอลูกคืน เราพาตำรวจไปที่บ้านที่ครอบครัวแฟนอยู่ สุดท้ายทำได้แค่ให้เราไปไกล่เกลี่ยที่โรงพัก เค้าก็บอกกับตำรวจว่าเค้าจะเอาเด็กไว้เลี้ยงดูและบอกว่าเราไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดู แต่เราไม่ยอม ตำรวจจึงให้ไปปรึกษาต่อที่กรมพัฒนาสังคม ตำรวจให้เรานั่งรถไปพร้อมกับครอบครัวเค้า เค้าบอกกับตำรวจว่าไม่เป็นไรเค้าพาไปได้ แต่พอไปถึงรถเค้าไม่พาเราไปด้วย เราจึงต้องเข้าไปขอให้พี่ตำรวจพาเราไปส่ง พอไปถึงก็ไกล่เกลี่ย เค้าให้เราไปฟ้องศาลเอาลูกคืน เค้าย้ำว่าถ้าเราฟ้องเด็กจะต้องไปอยู่ในสถานพักเด็ก แล้วถามกับเราว่าตกลงวันนี้จะเอาอย่างไร ในตอนนั้นเรากลัวลูกต้องไปอยู่ตรงนั้น และไม่รู้จะปรึกษาใครเพราะเราไปตัวคนเดียว เราจึงบอกว่างั้นให้ลูกอยู่กับเค้าก่อนก็ได้ถ้าไม่ยอมคืน ถ้าเราจะต้องไปทำเรื่องจริงๆ
เราต้องอยู่ที่บ้านหลังนั้นก่อน ซึ่งเค้ายื่นข้อเสนอมาว่าให้อยู่ต่อได้ และพอคืนเงินมัดจำก็เก็บไว้ได้ ซึ่งเราไม่ต้องการ เพราะวันนั้นเป็นบ่ายวันศ. ถ้าเราต้องออกจากที่นั่นเลยเราก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนก่อนเพราะตั้งตัวไม่ทัน จะไปนอนห้องพักก็ลำบากเพราะมีมะหมาอยู่ด้วย 2 ตัว เราปรึกษาคนนุ้นคนนี้ทั้งหาข้อมูล ใครก็ว่าเป็นสิทธิของแม่อยู่แล้ว พอเช้าอีกวันเราก็พยายามวิ่งทำเรื่องแต่ทุกๆที่ก็ปิดหมด เราจึงไปขอพบลูกที่บ้าน ตอนไปหาลูกเราได้เจอลูกตรงหน้าประตูรั้ว เราได้แต่บอกขอกอดหน่อยหม่ามี๊จะต้องกลับกรุงเทพฯแล้วนะลูกจะไปไหม ลูกจะมาหาเรา แต่เค้าหลอกล่อลูกเราเข้าไปข้างใน เค้าก็เริ่มทะเลาะกับแม่เรา ส่วนแม่เรามีแค่เสียงดังสู้เค้า พอเราเข้าไปข้างใน ได้กอดลูกอยู่แค่แปปเดียว กะจะพาลูกวิ่งออกมา เค้าก็อ้างว่าอย่าทำแบบนี้เด็กทานข้าวอยู่ และแยกเด็กออกไปและพวกเค้าก็รุมต่อว่าเราจะเอาตำรวจมาจับแม่เราไล่เราออกจากบ้านที่ไปหาลูกและบ้านที่เค้ายื่นข้อเสนอให้อยู่ทันที เค้าเอากุญแจไปล็อคบ้านเช่านั้นทันที เอาตำรวจไปถ่ายรูป แต่เราไม่ได้สนใจเพราะเราไม่ได้หวังอะไรในสิ่งของพวกนั้นอยู่แล้ว เราเก็บเสื้อผ้าเราลูกพาแม่และหมากลับกทม.ทันที ตอนนี้เราถึงกทม.แล้วเตรียมดำเนินการต่อ
- อยากจะขอคำแนะนำว่าเราควรทำอย่างไรต่อดีคะ
- เราต้องเป็นฝ่ายฟ้องศาลขอลูกคืนใช่ไหมคะ
- ควรไปติดต่อที่ไหนอีกไหมคะ พรุ่งนี้ว่าจะไปมูลนิธิปวีณาค่ะ
- ถ้าเราฟ้องศาล ศาลจะพิจารณาจากตัวพ่อแม่เด็กหรือครอบครัวด้วยคะ
- ถ้าเค้าอ้างว่าเราพาลูกระหกระเหเร่ร่อนออกไปไหนไม่รอด แต่ความเป็นจริงเราออกมาเพราะทนแรงกดดันจากบ้านเค้าไม่ไหว ภาวะหลังคลอด ได้แต่รอวันที่แฟนเราจะเข้าใจ ส่วนที่เรากลับไปเพราะอยากให้เรา ลูก กับแฟน ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาค่ะ เราทำไงดีคะ
ปล. 1. เราไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับแฟนค่ะ ไม่มีการเซ็นรับรองบุตรค่ะ
2. เราอายุ 25 ปีค่ะ ส่วนแฟนเด็กกว่าเรา 2 ปี